ทำบุญอย่าให้เดือดร้อนตัวเอง

ทำบุญอย่าให้เดือดร้อนตัวเอง   



    1. ทำบุญอย่าให้เดือดร้อนตัวเอง หลวงตาม้าท่านมักจะกล่าวสอนอยู่เสมอๆว่า การ สร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆคนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่านิยมกัน เป็นชาวพุทธแล้วต้องรู้จักการทำบุญให้เป็นไม่หลงบุญ จึงจะได้รับอานิสงค์จากการทำบุญนั้นๆอย่างเต็มเปี่ยม หลวงตาม้าท่านยังมักกล่าวสอนอีกว่า การทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตัวเอง แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น แต่ ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง สรุปสั้นๆ ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน อยู่ที่กำลังใจและกำลังทรัพย์ของเราให้พอดีตัวเป็นสำคัญ หากทำเช่นนี้ได้ในการทำบุญทุกครั้ง จะได้ทั้งบุญและบารมีไปพร้อมๆกัน หลวงตาม้าท่านเคยกล่าวว่า ยิ่งการทำบุญใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากๆ บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น พระพุทธรูป สังฆทาน สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป และบุญจะเกิดขึ้นแก่เราทุกครั้งที่ศาสนสถานที่เรามีส่วนร่วมนั้นได้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นอีกด้วย แม้เราร่วมทำบุญไปแค่เท่าที่กำลังเราจะทำได้ก็ตาม ไม่ว่ามากหรือน้อย ก็ถือว่าเราได้ร่วมด้วยกับบุญนั้นทุกอย่าง และได้อานิสงค์ทุกประการ สำคัญที่ความตั้งใจอันดีของเราเท่านั้น.. . . . 
   เรียบเรียงจากคติธรรมคำสอนของ พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 
    2. อย่าดูถูกบุญเล็กน้อย... อย่าดูถูกบุญเล็กน้อย ว่าจักไม่สนองผล น้ำตกจากเวหา ทีละหยาดๆ ยังเต็มตุ่มได้ ฉันใด นักปราชญ์สะสมบุญทีละเล็กละน้อย ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น อย่าดูถูกความชั่วเล็กน้อย ว่าจักไม่สนองผล น้ำตกจากเวหา ทีละหยาดๆ ยังเต็มตุ่มได้ ฉันใด คนพาลทำความชั่ว ทีละเล็กละน้อย ย่อมเต็มด้วยความชั่วได้ฉันนั้น อย่าเห็นเป็นความดีเล็กน้อย จึงไม่ทำ อย่าเห็นเป็นความชั่วเล็กน้อย แล้วจึงทำ - พุทธวจนะ 
    3. เรามาจากกไหน ตายแล้วไปไหน??? ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆ พ่อแม่ก็ได้สอนสั่ง ว่าให้เป็นเด็กดี เป็นคนดี เพราะทำได้ไปสวรรค์ เป็นเด็กดื้อ ลักขโมย เป็นคนชั่วจะต้องไปนรก ผมก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด แต่ก็ยังไม่เคยเห็นหรือรู้หรอกนะว่ามีจริงไหม?? และก็ได้อ่านหนังสือมาก็มาก ในหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงการมาเกิดไปเกิดของคนเรา มีอยู่ 4 แบบ ได้แก่ 
พวกที่ 1 คือ มามืดแล้วก็ไปมืด
พวกที่ 2 คือ มามืดแล้วไปสว่าง 
พวกที่ 3 คือ มาสว่างแล้วไปมืด 
พวกที่ 4 คือ มาสว่างแล้วก็ไปสว่าง และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดว่า มี 3 พวก พวกที่ 1 ไปนรก พวกที่ 2 ไปสวรรค์ พวกที่ 3 หมดกิเลสแล้วไปนิพพาน จากที่อ่านผมไม่รู้หรอกว่าตนเองมาจากไหน?? หลายๆคนก็คงจะสงสัยเหมือนกับผมใช่ไหมครับ? และถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าตนเองว่ามาจากไหน แต่มันจะสำคัญแค่ไหนกัน มันไม่สำคัญเท่ากับเราจะไปไหน ต้องทำอะไรต่อไป การอยู่กับปัจจุบันคงจะเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่า ส่วนใครอยากรู้ที่มาที่ไปอย่างไรก็ตามแต่ ส่วนตัวผมจะขอเลือกไปในที่สงบๆก็แล้วกันนะครับ.

ที่มา :: Phisanu
SHARE

I AM VOLUNTEER NAMMON

มีเรื่องราวดีๆเอามาเล่าสู่กันฟัง

    Blogger Comment
    Facebook Comment

3 ความคิดเห็น: